- ปุ๋ยนาที่นิยมใช้คือ 16-20-0, 18-22-0, 20-20-0 หรือปุ๋ยที่มีปริมาณธาตุอาหารใกล้เคียงในอัตรา 15 - 30 กก. ต่อไร่ สำหรับดินนาภาคกลางและ ดินนาภาคเหนือ ซึ่งเป็นดินเหนียวและดินร่วน ส่วนดินภาค ตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นดิน ทรายร่วน หรือดินทรายแนะนำให้ใช้ปุ๋ย 16+16-8, 18-12-6 หรือปริมาณ ธาตุอาหารใกล้เคียง ในอัตรา 15-30 กก.ต่อไร่ เช่นเดียวกัน
|
-
- พืชไร่
- แนะนำให้ใช้ปุ๋ยหมักอัตรา 1 - 3 ตันต่อไร่ต่อปี ถ้าจะใส่ ครั้งเดียว อัตรา 3 - 6 ตันต่อไร่ แล้วปลูกพืชติดต่อกันไปเป็น ระยะเวลา 2-3 ปี โดยหว่านให้ทั่วแปลงแล้วทำการไถคราดกลบ ทิ้งไว้ประมาณ 7-15 วัน จึงทำการปลูกพืชต่อไป ถ้าจะให้ผลดี ก็ควรใส่ปุ๋ยเคมีให้แก่พืชไร่เพื่มเติมลงไปด้วย เช่นปลูกข้าวโพด ในดินภาคกลางและดินภาคเหนือ ควรใช้ปุ๋ยเคมี 16-20-0, 18-22-0 หรือปริมาณธาตุอาหารใกล้เคียงในอัตรา 25-30 กก.ต่อไร่
| | |
- ถ้าเป็นดินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ควรใช้ปุ่ย 15-15-15, 16-16-8, 18-12-6 หรือปริมาณธาตุอาหาร ใกล้เคียง อัตรา 25-30 กก. ต่อไร่ ส่านพืชไร่ชนิดอื่น ๆ ให้พิจารณา ชนิดของดินและปริมาณอาหารพืช ที่พืชไร่แต่ละชนิดต้องการ
|
-
- ไม้ผลไม้ยืนต้น
- ปุ๋ยหมักพบว่าเป็นปุ๋ยที่มีประโยชน์ต่อไม้ผลไม้ยืนต้นเป็นอย่างยิ่ง ใส่ปุ๋ยหมัก เฉพาะหลุมที่ปลูกเท่านั้น ไม่ใส่ทั้งแปลงเหมือนพืชไร่ ซึ่งสามารถให้ปุ๋ยหมักแก่ไม้ผล ไม้ยืนต้นได้หลายระยะและหลายวิธี กล่าวคือ ระยะแรก ระยะเตรียมหลุมปลูกควร คลุกเคล้าปุ๋ยหมักให้เข้ากับดินที่ใช้ปลูกเป็นอย่างดี อัตราหลุมละ 20 -40 กก.ต่อตัน ทั้งนี้แล้วแต่ชนิดและขนาดของหลุมและไม้ผลที่ปลูก ถ้าจะให้ผลดีให้คลุกเคล้ากับปุ๋ย เคมีเพิ่มเติมลงไปด้วย
| | |
- ในระยะเตรี่ยมหลุมนี้ โดยใช้ปุ่ย 15-15-15, 14-14-14, หรือ 12-12-17 อัตรา 100-200 กรัมต่อหลุม ในระยะต่อไป ให้ใช้ทุก ๆ 1 ปี เมื่อไม้ผลอายุมาก ให้ใส่รอบ ๆ ทรงพุ่ม โดยขุดร่องให้รอบแล้วเอาปุ๋ยหมัก และปุ๋ยเคมีคลุกให้เข้ากัน เป็นอย่างดี ใส่ลงไปในร่องรอบ ๆ พุ่ม แล้วเอาดินกลบร่องให้มิด ปริมาณทั้งปุ๋ยหมัก และปุ๋ยเคมีให้ใช้เพิ่มตามอายุของพืชที่ปลูก
|
-
- พืชผัก
- ปุ๋ยหมักนับว่าเป็นปุ๋ยที่มีประโยชน์ต่อสวนผักเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน เพราะว่าช่วยทำให้ ดินร่วนซุย พืชผักซึ่งเป็นพืชอายุสั้นและมีระยะรากสั้นแผ่ขยายออกด้านข้าง ถ้าปลูกใน ดินเหนียวจัด รากจะไม่สามารถ แผ่กระจายไปได้ไกล ถ้าปลูกในดินทรายซึ่งมีการอุ้มได้น้อย ปุ๋ยหมักจะช่วยแก้ไขสิ่งเหล่านี้ได้ ส่วนมาก ใช้ใส่ในอัตรา 1-3 ตันต่อไร่ โดยการหว่านให้ทั่วแปลง ขณะเตรียมดิน แล้วทิ้งไว้ประมาณ 7-15 วัน จึงจะทำการปลูกผัก แต่อย่างไรก็ดีควรเพิ่มเติม ปุ๋ยเคมี ลงไปด้วย จะช่วยให้พืชผักเจริญงอกงามดี ปุ๋ยเคมีที่นิยมใช้ คือ 15-15-15, 13-13-21, 16-20-0 อัตรา 15-30 กก.ต่อไร่ ถ้าเป็นผักกินใบ จะเพิ่มปุ๋ย ไนโครเจน ลงไปด้วยก็ยิ่งดี
|
-
- ไม้ดอกไม้ประดับ
- ตลอดจนสนามหญ้าทุกชนิดส่วนมากใช้ใส่ในอัตรา 1-3 ตัน ต่อไร่ โดยใส่ระยะเตรียมดิน หรือหลังปลูกพืชแล้วทำการพรวนคลุกเคล้าให้ เข้ากับดินที่ปลูกก็ใช้ได้
-
- ไม้กระถาง
- ใช้อัตราส่วนระหว่างดิน : ปุ๋ยหมัก : ทราย = 4:3:3 โดยปริมาตร
| | |
-
- ปรับปรุงบำรุงดินเพื่อปลูกป่า
- 7.1 การเพาะชำกล้าไม้
ในกรณีของไม้เบญจพรรณ เช่น มะค่า พะยูง ประดู่ กระพี้เขาควาย ฯลฯ ซึ่งเพาะในภาชนะ บรรจุ ที่มีปุ๋ยหมักเป็นส่วนผสมของวัสดุเพาะชำ อัตราส่วนของวัสดุเพาะชำมีดังนี้ คือ ดิน : ทราย : ขี้เถ้าแกลบ : ปุ๋ยหมัก = 5 : 2 : 1 : 1 โดยปริมาตร คลุกเคล้าส่วนผสม ให้เข้ากันอย่างทั่วถึง ก่อนที่จะบรรจุลงในภาชนะ แล้วนำเมล็ดพันธ์ไม้หยอดลงไป และกดลงให้ลึกประมาณ 1 นิ้ง จากผิวบนของวัสดุเพาะชำ แล้วจึงกลบ เมล็ดฯ ด้วยวัสดุเพาะชำบาง ๆ
สำหรับการเพาะชำกล้าไม้โตเร็ว เช่น ยูคาลิปตัส กระถินยักษ์เลี่ยน กระถินณรงค์ สะเดา ขี้เหล็ก ฯลฯ ใช้วัสดุเพาะชำที่มี ดิน : ทราย : ขี้เถ้าแกลบ : ปุ๋ยหมัก ในอัตราส่วน 1 : 1 : 1 : 3 โดยปริมาณและปฏิบัติ เช่นเดียวกับการเพาะกล้าไม้เบญจพรรณ
- 7.2 การปลูกไม้โตเร็ว ติเมตร แล้วจึงนำกล้าไม้ปลูกและใช้ดินกลบ
- โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพดินของแปลงปลูกซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ลักษณะดิน เป็นดินทราย ไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้และต้องแก่งแย่งอาหารกับวัชพืชที่ขึ้นอยู่บริเวณดังกล่าว ดังนั้นการปรับปรุงดิน เฉพาะจุดด้วยการใช้ปุ๋ยหมักในหลุมปลูก โดยขุดหลุมปลูก ขนาด 20*20*20 เซนติเมตร แล้วนำปุ๋ยหมัก ประมาณ 2 กิโลกรัม รองก้นหลุม หลังจากนั้น ใช้ดินกลบชั้นของปุ๋ยหมักให้หนา ประมาณ 2.5 เซน
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น